Gilets Jaunes: A Wave of Yellow Sweeping Through the Streets of Paris and Sparking a National Debate on Social Inequality.
ฝรั่งเศสในปี 2018 หยุดนิ่งไม่ได้ เมื่อการประท้วงครั้งใหญ่ที่นำโดยกลุ่ม “กีเลต์ โจเนส์” (Yellow Vests) พ compréhension over the country. กลุ่มนี้เริ่มต้นจากการประท้วงเกี่ยวกับราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น แต่ในไม่ช้าก็กลายเป็นการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่า เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความ असดวกใจของคนรุ่นใหม่ที่มองหาความยุติธรรม
สำหรับคนที่ไม่รู้จัก “กีเลต์ โจเนส์” เป็นกลุ่มผู้ประท้วงที่สวมเสื้อกั๊กสีเหลืองสะท้อนแสงซึ่งเป็นเครื่องแบบที่บังคับใช้ในรถยนต์เพื่อความปลอดภัย. ผู้ที่มารวมตัวกันในขบวนการนี้มาจากทุกชนชั้นและอาชีพ โดยรวมถึงคนงาน บรรดาเกษตรกร และเจ้าหน้าที่
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อรัฐบาลฝรั่งเศสประกาศจะขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนตุลาคม 2018. แม้ว่ามาตรการนี้ถูกมองว่าเป็นวิธีหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชากรชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง
ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทำให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว. คนฝรั่งเศสจำนวนมากเริ่มรู้สึกว่ารัฐบาลไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของพวกเขา และไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ. ความโกรธและความไม่พอใจต่อสถานการณ์นี้เริ่มลุกลามไปทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2018 กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนสวมเสื้อกั๊กสีเหลืองได้รวมตัวกันในปารีสและเมืองอื่น ๆ ทั่วฝรั่งเศส. พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงและดำเนินการเพื่อแก้ไขความไม่เท่าเทียมทางสังคม
การประท้วง “กีเลต์ โจเนส์” กลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ และส่งผลกระทบอย่างมากต่อประเทศฝรั่งเศส:
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: การประท้วงทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและธุรกิจจำนวนมาก. ร้านค้าถูกทำลาย ช่องการจราจรถูกปิด และการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
- ผลกระทบทางการเมือง: รัฐบาลฝรั่งเศสภายใต้ประธานาธิบดี Emmanuel Macron เผชิญกับความกดดันอย่างหนัก. การประท้วงแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อนโยบายของรัฐบาล
- ผลกระทบทางสังคม: “กีเลต์ โจเนส์” ทำให้เกิดการพูดคุยกันมากขึ้นในสังคมฝรั่งเศสเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางสังคม.
จากเหตุการณ์นี้ฝรั่งเศสได้เห็นถึงความสำคัญของการฟังเสียงประชาชน และตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขา. รัฐบาลต้องหาหนทางที่จะแก้ไขความไม่เท่าเทียมและสร้างความยุติธรรมให้กับทุกคนในสังคม
รู้จัก “Roland Barthes”: นักปรัชญาและนักวิจารณ์วรรณกรรมฝรั่งเศสผู้ทรงอิทธิพล
การประท้วงของ “กีเลต์ โจเนส์” ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความตึงเครียดทางสังคมในฝรั่งเศส. แต่เพื่อเข้าใจประเทศนี้ลึกขึ้น เราจำเป็นต้องหันไปสำรวจตัวตนของบุคคลผู้ทรงอิทธิพล
ในที่นี้เราจะมาพูดถึง “โรแลนด์ บาร์ท” (Roland Barthes) นักปรัชญาและนักวิจารณ์วรรณกรรมฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
Barthes เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1915 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1980. งานเขียนของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อวิชาภาษาศาสตร์ วรรณคดี และทฤษฎีการสื่อสาร
Barthes เป็นที่รู้จักจากแนวคิด “ความตายของผู้แต่ง” (Death of the Author) ซึ่งเขาโต้แย้งว่าความหมายของข้อความไม่ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้เขียน. ในทางกลับกัน Barthes ยืนยันว่าความหมายถูกสร้างขึ้นโดยผู้อ่าน
นอกจากนั้น Barthes ยังเป็นที่รู้จักในงานวิจารณ์วรรณกรรมและทฤษฎีสัญญาณ (Semiotics) ซึ่งเขาพยายามที่จะวิเคราะห์วิธีการที่ความหมายถูกสร้างขึ้นผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ.
ผลงานของ Roland Barthes
Barthes เป็นนักเขียนที่มีผลงานหลากหลายและทรงอิทธิพล.
นี่คือรายการผลงานบางส่วน:
- Mythologies (ค.ศ. 1957): วิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมสมัยนิยม เช่น โฆษณา นิตยสาร และภาพยนตร์
- S/Z (ค.ศ. 1970): การวิเคราะห์นวนิยายเรื่อง “The Picture of Dorian Gray” ของ Oscar Wilde
- Empire of Signs (ค.ศ. 1970): การสำรวจวัฒนธรรมญี่ปุ่น
Barthes ยังเป็นผู้เขียนบทความและบทบรรณาธิการมากมาย รวมถึงงานวิจารณ์วรรณกรรมและทฤษฎีปรัชญา
มุมมองใหม่เกี่ยวกับโลก
ผลงานของ Barthes ทำให้เกิดการปฏิวัติทางความคิดในหลาย ๆ ด้าน. เขาทำให้เราเห็นว่าความหมายไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นและตีความได้
Barthes ช่วยให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของภาษา วัฒนธรรม และสังคม. งานเขียนของเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักคิด นักวิจารณ์ และผู้คนทั่วไปที่ต้องการมองโลกด้วยมุมมองใหม่
การศึกษา Roland Barthes เป็นเหมือนการเดินทางเข้าสู่จักรวาลแห่งความคิดและความสร้างสรรค์.